เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟในลาว ประสบปัญหา ต้นกาแฟตาย เพาะสภาพอากาศ เมื่อต้นปีนี้ อุณหภูมิบนที่ราบสูงโบลาเวนลดลงต่ํากว่าจุดเยือกแข็งในช่วงที่อากาศหนาวเย็นที่ไม่คาดคิด ทําให้ต้นกาแฟ ยืนต้นตาย มากกว่า 20,000 ต้น.
ได้ส่งผลกระทบต่อครอบครัวเกษตรกรอย่างน้อย 97 ครอบครัวในเจ็ดหมู่บ้าน ความหนาวเย็นอย่างกะทันหันทําให้รากและใบของต้นกาแฟแข็งตัวหลังจากคลื่นความร้อนรุนแรงในเดือนเมษายน พ.ศ. 2024 เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ถึง 41 องศาเซลเซียส ทําให้พืชผลเกิดความเครียด ใบกาแฟเปลี่ยนเป็นสีเหลือง และ พืชหลายชนิดตายหลังจากความหนาวเย็นเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ราบสูงโบลาเวนของลาว.
ท่าน Khamseng Syvong เจ้าของร้านกาแฟ และ สมาชิกของสมาคมกาแฟลาว กล่าวว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราพบว่าใบเปลี่ยนเป็นสีเหลืองมากขึ้น และ มีพืชเน่าจํานวนมาก เกษตรกรหลายคนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้ปุ๋ยเคมีเพื่อให้พืชแข็งแรง และ รักษาผลผลิต” เขากล่าวเสริม และ แสดงความกังวลเกี่ยวกับการปลูก กาแฟที่ใช้ปุ๋ยเคมี จะทําให้กาแฟลาวแตกต่างออกไป รสชาติ ไม่เหมือนเดิม แบบดั้งเดิมที่ปราศจากสารเคมี.
“กาแฟลาวมีรสชาติ และ กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ และ เกษตรกรรายย่อยจํานวนมากยังคงปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติ ปลูกแบบออร์แกนิก ซึ่งทําให้กาแฟนี้พิเศษมากกว่า” การปลูก กาแฟที่ใช้ปุ๋ยเคมี
“[สภาพอากาศที่รุนแรง] ส่งผลกระทบต่อทั้งรสชาติ ขนาดเมล็ดกาแฟ ผลผลิต และ ณภาพ ในช่วงสามหรือสี่ปีที่ผ่านมา”ลดลง ท่าน Khamseng ผู้ดูแลไร่กาแฟใน Paxong กล่าวว่า จากข้อมูลของกระทรวงเกษตร และ ป่าไม้ของลาว จังหวัดจําปาสักมีกาแฟมากกว่า 51,000 เฮกตาร์ ซึ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ สมาชิกของสมาคมกาแฟลาวส่งออกประมาณ 30 ตันต่อปี ตามรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรม และ การค้า มีแนวโน้มกําลังเพิ่มขึ้นอีก แต่ถ้าหากสภาพอากาศยังเปลี่ยนแปลงที่รุนแรง ยังคงดําเนินต่อไปเกษตรกร ผู้ปลูกกาแฟ และ อุตสาหกรรม กาแฟ มีแนวโน้มจะได้ รับผลกระทบ ตามการรายงานของ Dailycoffeenews .
